SAHAPAT OPEN ERA-WON

สหพัฒน์ปั้นแบรนด์ เอราวอน  ขึ้นแท่นเบอร์ 1 สินค้ากางเกงภายใน 5 ปี หลังทำลายสถิติ 2 ปีขายได้ 2 แสนตัว มากกว่าแบรนด์อื่นที่ต้องใช้เวลา 10-15 ปีถึงขายได้  เดินหน้าเพิ่มช่องทางขายอีกเท่าตัว  พร้อมเตรียมลุยอินโดนีเซียและเวียดนาม  สร้างยอดขายปีละ 130 ล้านบาท

    นายชัยรัตน์  วัฒนโชติวัฒน์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ แบรนด์ เอราวอน (era-won) บริษัท เซเลเบรท เว็ลธ จำกัด ในเครือสหพัฒน์ ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแฟชั่น  เปิดเผยว่า  ช่วงที่ผ่านมาแม้ว่าเครือสหพัฒน์จะมีสินค้าแฟชั่นและเป็นเจ้าตลาดหลายแบรนด์  อาทิ  แบรนด์กีลาโรช, แอร์โรว์ เป็นต้น  แต่พบว่ากลุ่มสินค้ากางเกงกลับไม่ได้รับการตอบรับที่ดีเท่าที่ควร  ทำให้ผู้บริหารมีแนวคิดที่จะสร้างแบรนด์สินค้าใหม่ขึ้นมาทำตลาดกางเกงโดยเฉพาะ  จึงได้สร้างแบรนด์เอราวอนขึ้นมาเมื่อช่วง 2 ปีที่ผ่านมา  โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้เป็นเจ้าตลาดสินค้ากางเกงภายใน 5 ปีนับจากนี้  ซึ่งผลตอบรับจากการทำตลาดทำให้แบรนด์เอราวอน  ประสบความสำเร็จตามแผนที่วางไว้  โดยมียอดขายช่วง 2 ปีแรกมากถึง 2 แสนตัว  ทำลายสถิติทุกแบรนด์กางเกงในกลุ่มสหพัฒน์  ซึ่งยอดขายดังกล่าวบางแบรนด์ อาทิ แอร์โรว์ต้องใช้เวลาขายสินค้ามากถึง 10-15 ปี
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดที่ประสบความสำเร็จของแบรนด์เอราวอนนั้น  นายชัยรัตน์  กล่าวว่า  เกิดจากการกระจายสินค้าผ่านช่องทางอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น  นอกเหนือจากการขายสินค้าเฉพาะในห้างสรรพสินค้า  ที่ปัจจุบันมีกระจายอยู่ตามห้างต่างๆ 40 สาขา  โดยบริษัทได้วางขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์   ที่ถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดีโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด  ปัจจุบันมีแฟนเพจของเฟซบุ๊กมากถึง 2  หมื่นคน  การกระจายสินค้าตามแหล่งชุมชน  การขยายตัวแทนจำหน่าย  ที่ปัจจุบันมีแล้ว 1 รายที่สยามสแควร์  ในปีนี้บริษัทมีเป้าหมายขยายตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็น 10 รายด้วย
“โปรเจ็กต์นี้ผู้บริหารต้องการสร้างตลาดกางเกงโดยเฉพาะ  ซึ่งได้ให้บริษัท  เอราวัณสิ่งทอ จำกัด เป็นผู้ผลิตสินค้าให้  ครั้งแรกเปิดขายที่เดอะ มอลล์บางกะปิ ปัจจุบัน  จุดขายในปีนี้วางแผนเพิ่มขึ้นอีก 40 สาขาในรูปแบบเคาน์เตอร์ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดรวมเป็น 80 สาขา โดยจะเน้นพื้นที่เล็กแต่กระจายเข้าไปสู่กลุ่มคนได้มาก  แบบเดียวกับร้านสะดวกซื้อ เพื่อความรวดเร็ว  เพราะปัจจุบันคนเดินห้างสรรพสินค้าก็มีจำนวนน้อยลง  และยังมีแผนที่จะขยายจุดขายรูปแบบร้านในห้างสรรพสินค้าเมกา บางนา พื้นที่ 130 ตารางเมตร และที่แฟชั่นไอส์แลนด์ อีก 1 สาขา พื้นที่ 60 ตารางเมตรด้วย ใช้งบลงทุนเพียง 2 ล้านบาท” นายชัยรัตน์  กล่าวและว่า
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะส่งสินค้าออกไปขายยังต่างประเทศ  ในกลุ่มประเทศเออีซีด้วย  โดยจะส่งสินค้าออกไปขายในห้างโซโก้ประเทศอินโดนีเซียจำนวน 10 สาขา ช่วงเดือนมีนาคมปีหน้า  นอกจากนี้ยังมีแผนจะส่งสินค้าไปขายที่ประเทศเวียดนามต่อด้วย  ซึ่งเป็นการทำตลาดร่วมกับบริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด ในกลุ่มสหพัฒน์ที่จะส่งสินค้าแบรนด์เด็กซ์และกีลาโรช  ออกไปจำหน่าย  ซึ่งบริษัทคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายของบริษัทให้เพิ่มขึ้นเป็นปีละ 130 ล้านบาท จากปกติขายได้ปีละ 120 ล้านบาท  โดยนอกจากการขยายตลาดเพิ่มเติมแล้ว  บริษัทยังเตรียมผลิตสินค้ากลุ่มเสื้อเชิ้ตสำหรับทำงานและกางเกงยีนส์ออกจำหน่ายเพิ่มเติมด้วย
“กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์นี้คือ วัยรุ่น วัยทำงาน  สินค้ามีราคาเริ่มต้นประมาณ  980-1.25พันบาท   ซึ่งต่อไปจะเพิ่มไลน์เสื้อทำงานเข้ามา ระดับราคาเริ่มต้น 780 บาท  ส่วนปีหน้าจะออกสินค้ากลุ่มกางเกงยีนส์ด้วย  ส่วนกำลังการผลิตปัจจุบันมีประมาณ  2 หมื่นหลาต่อเดือน หรือ 1.5 หมื่นตัวต่อเดือน ถ้าขยายช่องทางจำหน่ายได้เพิ่มอีก  กำลังการผลิตน่าจะเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ  5-6 หมื่นหลา  หรือ 3 หมื่นตัวต่อเดือน ซึ่งปัจจุบันแบรนด์เอราวอนมีสัดส่วนยอดขายมากที่สุดในบริษัทถึง 70%” นายชัยรัตน์  กล่าวในตอนท้าย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,859 วันที่  7  – 10   กรกฎาคม  พ.ศ. 2556